การซักผ้านั้น เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกๆคน ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ จำเป็นต้องเรียนรู้ ใส่ใจ เพราะว่าการซักผ้า ถือเป็นอีกกิจกรรมในชีวิตประจำวันที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เนื่องจากการดูแลเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มนั้น เป็นสิ่งที่ต้องกระทำเพื่อจะรักษาสุขอนามัย และทำให้สร้างความมั่นใจในการแต่งเนื้อแต่งตัวเพื่อออกไปทำกิจกรรมต่างๆหรือทำงานได้อย่างมีความสุขด้วยเสื้อผ้าที่สะอาดและมีกลิ่นหอม
อย่างไรก็ตาม การซักผ้านั้นก็มีวิธีที่ทุกคนต่างรู้ ไม่ว่าจะซักผ้ากับเครื่อง หรือซักผ้าด้วยมือ แต่ เคล็ดลับที่ทำให้สามารถซักผ้าหอม กลิ่นติดทนนานทั้งวันแบบไร้กลิ่นอับจะเป็นอย่างไรนั้น มาร่วมหาคำตอบไปพร้อมๆกันในบทความนี้
ซักผ้ายังไงให้หอม ติด ทน นาน ตลอดทั้งวัน
1.ไม่ควรซักผ้าในปริมาณที่มากไป
ไม่ว่าจะซักผ้าด้วยเครื่องหรือซักผ้าด้วยมือนั้น สิ่งสำคัญคือการกระจายความหอม และผงซักฟอกที่สามารถทำความสะอาดในการซักผ้าได้อย่างทั่วถึง ดังนั้น เคล็ดลับแรกในการซักผ้าให้สะอาด ปราศจากกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ ก็คือ เวลาทำการซักผ้า ไม่ควรที่จะทำการซักในปริมาณที่มากเกินไป เพราะหากซักเครื่อง ตัวเครื่องซักผ้าก็จะสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และสามารถกระจายการซักได้อย่างทั่วถึง และด้วยการซักมือเองก็ตาม ความสะอาดจะทั่วถึงก็เพราะด้วยปริมาณของเสื้อที่เหมาะสม
2.แยกผ้าก่อนซัก
การซักผ้านั้น มีอีกหัวใจสำคัญคือการแยกผ้าก่อนการทำการซัก อย่างเช่น การแยกเสื้อสี การแยกเสื้อที่เปื้อนฝุ่น แยกเสื้อที่มีการเปียกจากน้ำหรือของเหลวใดๆก็ตาม และประเภทของเสื้อผ้า เพราะว่าการซักผ้าด้วยผ้าชนิดต่างๆที่กล่าวไป อาจจะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือความหนาของเสื้อ ที่หากนำมาปนกัน อาจจะส่งผลให้ไม่สามารถซักผ้าได้อย่างสะอาดทั่วถึง เนื่องจากการทำงานหนักของเครื่องซักผ้า และอาจจะมีสิ่งไม่พึงประสงค์ที่อยู่ในตัวผ้าเองที่จะกระจายไปสู่ผ้าตัวอื่นๆ
3.ใช้น้ำร้อนในการแช่-ซัก (พิจารณาตามความเหมาะสมของผ้าแต่ล่ะชนิด)
อีกข้อหนึ่งซึ่งหลายๆคนอาจจะไม่ทราบมาก่อนในการซักผ้าก็คือ ควรใช้น้ำร้อนในการแช่หรือซัก เพราะว่าการซักผ้าด้วยน้ำร้อนจะทำให้ผงซักผ้า หรือน้ำยาซักผ้า ทำการละลายในน้ำได้ง่ายกว่าน้ำเย็น และที่สำคัญการซักผ้าด้วยน้ำร้อน จะสามารถแทรกซึมเข้าไปทำความสะอาดภายในเนื้อผ้าได้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม การซักผ้าด้วยน้ำร้อนนั้น ถือเป็นวิธีการที่หากทุกคนได้ทำการใส่ใจก่อนการซักผ้า ผ้าที่ทำการซักก็จะมีโอกาสในการมีกลิ่นไม่พึงประสงค์น้อยกว่า และสะอาดกว่าน้ำอุณหภูมิปกติ
4.ใช้ผงซักฟอก-น้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้น
ในตลาดของน้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอกนั้น มีสูตรต่างๆที่ทำออกมาขายอย่างมากมาย และที่สำคัญนั้น หากทุกท่านได้ทำการใช้ผงซักฟอก พร้อมกับน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้น จะช่วยทำให้การซักผ้าสามารถทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถทำให้เสื้อผ้าทุกๆตัวมีกลิ่นที่หอม ไม่มีกลิ่นอับ สามารถนำไปใส่ในทุกๆวันได้อย่างมั่นใจ
5.ใช้สเปรย์ฉีดผ้าแบบกลิ่นหอม
เมื่อทำการซักผ้าเสร็จแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญก็คือ การใช้สเปรย์ฉีดผ้าแบบกลิ่นหอม ซึ่งในปัจจุบันก็มีการวางขายในตลาดอุปกรณ์ซักผ้าอย่างมากมาย ด้วยปัจจัยสำคัญที่การเก็บเสื้อผ้าไว้นานๆนั้นไม่ว่าจะในตัวบ้าน หรือตู้เสื้อผ้าเอง เมื่อทำการตากหรือแขวนไว้นานๆ อาจจะทำให้ตัวเสื้อมีการติดกลิ่นโดยรอบ โดยเฉพาะบ้านที่มีการทำอาหารที่กลิ่นแรง หรือมีการเลี้ยงน้องๆสัตว์เลี้ยง ดังนั้น การใช้สเปรย์ฉีดผ้าแบบกลิ่นหอมก็ถือเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่จะทำให้เสื้อผ้ามีกลิ่นที่หอมสะอาด สามารถนำไปใส่ได้อย่างมั่นใจ
6.ตากที่ร่ม ถ่ายเทอากาศดี
หลังจากการซักผ้าเสร็จแล้ว การตากผ้าเองก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะทำให้เสื้อผ้ามีกลิ่นที่หอม ด้วยการตากในที่ร่ม และมีการถ่ายเทอากาศที่ดี เพราะว่าในปัจจุบันไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า สภาพอากาศภายนอกบ้านนั้น มีฝุ่นละออง และสิ่งสกปรกที่ไม่พึงประสงค์ในปริมาณที่มาก ดังนั้นหากทำการซักผ้าเสร็จแล้ว ก็ควรจะทำการตากผ้าในตัวบ้าน แต่เป็นบริเวณที่สามารถ่ายเทอากาศได้ดี ซึ่งจะทำให้เสื้อผ้าไม่มีกลิ่นอับ และปราศจากฝุ่นละออง
7.อบผ้าแห้ง ช่วยให้ผ้าหอมนาน ฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ 99%
ในปัจจุบัน เนื่องจากปัญหาด้านฝุ่นละอองและมลพิษต่างๆ อาจจะทำให้เสื้อผ้าที่ทำการซักหากนำไปตากนอกบ้าน อาจจะมีกลิ่นและโดนสิ่งสกปรกเข้ามาเกาะที่ตัวเนื้อผ้า ดังนั้นการใช้บริการ ร้านสะดวกซัก ซึ่งมีอุปกรณ์และเครื่องซักผ้าที่ทันสมัย รวมไปถึง เครื่องอบผ้าแห้ง จะช่วยทำให้เสื้อผ้ามีกลิ่นหอมนาน และที่สำคัญตัวเครื่องอบนั้น สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ 99% และในปัจจุบันนั้น ร้านสะดวกซักมีอยู่มากมายหลากหลายย่าน มีความสะดวกในการเข้าไปใช้บริการอย่างมาก หากผู้อ่านท่านไหน อยากให้เสื้อผ้าหอมยาวนาน การเข้าไปใช้บริการซักผ้าที่ร้านสะดวกซักก็ถือเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ
8.เลือกใช้บริการ ร้านซักผ้าหยอดเหรียญ ใกล้บ้านคุณ
แน่นอนว่าทุกๆคนนั้น ต้องให้ความใส่ใจในการซักผ้า และดูแลเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มที่จำเป็นจะต้องใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า อาจจะไม่ค่อยสะดวกหรือไม่มีเวลามากนัก ดังนั้นทางผู้เขียนจึงขอแนะนำให้ทุกท่านลองใช้บริการร้านสะดวกซัก อย่างเช่น 24wash ซึ่งทางร้าน มีเครื่องซักผ้าที่ทันสมัย มีมาตรฐานจากประเทศ สหรัฐ อเมริกา
และที่สำคัญยังมีระบบและแอพพลิเคชั่น ที่สามารถทำให้การเข้าไปซักผ้านั้นมีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นช่องทางการชำระเงินผ่านมือถือ และการติดตามว่าเสื้อผ้าที่ทำการซัก ได้ดำเนินการเสร็จแล้วหรือไม่
สรุป
การดูแลซักผ้านั้น เป็นกิจกรรมในชีวิตที่ทุกคนไม่สามารถเลี่ยงได้ เพราะว่า เสื้อผ้านั้นคือปัจจัย 4 ที่ทุกคนจะต้องใช้ ไม่ว่าจะเพื่อดำรงชีวิตขั้นพื้นฐาน หรือสร้างความมั่นใจผ่านการนำเสนอตัวตนในแฟชั่นต่างๆ อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจเคล็ดลับในการซักผ้า หรือเลือกบริการร้านสะดวกซัก ที่มีความทันสมัย คุ้มค่าและมีมาตรฐาน จะช่วยทำให้การซักผ้าไม่ใช่เรื่องที่ยาก และเป็นสิ่งที่สามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวกสบาย
